วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Let's get ready for CEFR!

Hi all teachers, today I've found one of interesting site about CEFR.
As I know, all English teachers will have this test in order to acknowledge your language skills and ability.
You can click the link below to practice the test in each level
CEFR Levels
The Common European Framework of Reference for Languages (CEF or CEFR) was put together by the Council of Europe as a way of standardising the levels of language exams in different regions. It is very widely used internationally and all important exams are mapped to the CEFR.
There are six levels: A1, A2, B1, B2, C1, C2. These are described in the table below.
Click here to see which exams are at which CEFR levels.
Click here to do a test to see which level to study at and here to see what grammar you should know at each level.
This page in SpanishFrenchGerman
Council of Europe levels

Description

C2

Mastery
The capacity to deal with material which is academic or cognitively demanding, and to use language to good effect at a level of performance which may in certain respects be more advanced than that of an average native speaker.
Example: CAN scan texts for relevant information, and grasp main topic of text, reading almost as quickly as a native speaker.

All practice tests at this level 

C1

Effective Operational Proficiency
The ability to communicate with the emphasis on how well it is done, in terms of appropriacy, sensitivity and the capacity to deal with unfamiliar topics.
Example: CAN deal with hostile questioning confidently. CAN get and hold onto his/her turn to speak.

All practice tests at this level 

B2

Vantage
The capacity to achieve most goals and express oneself on a range of topics.
Example: CAN show visitors around and give a detailed description of a place.
All practice tests at this level

B1

Threshold
The ability to express oneself in a limited way in familiar situations and to deal in a general way with nonroutine information.
Example: CAN ask to open an account at a bank, provided that the procedure is straightforward.

All practice tests at this level

A2

Waystage
An ability to deal with simple, straightforward information and begin to express oneself in familiar contexts.
Example: CAN take part in a routine conversation on simple predictable topics.
All practice tests at this level

A1

Breakthrough
A basic ability to communicate and exchange information in a simple way.
Example: CAN ask simple questions about a menu and understand simple answers.

Have a nice day, bye!

reference: http://www.examenglish.com/CEFR/cefr.php
Posted by Norhasmee Same teacher at Watchontarasinghe school.

วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557

“10 ศัพท์ภาษาอังกฤษสุดฮิต คนไทยออกเสียงผิดบ่อย”

สิ่งที่สำคัญในการเรียนภาษาอังกฤษ คือการสื่อสารให้ผู้ฟังเข้าใจ ถ้าเราไม่สามารถออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษให้ถูกต้องได้แล้ว จะเอามารวมเป็นประโยคให้ถูกต้องได้ยังไงจริงไหมครับ ในบทความชุด “10 ศัพท์ภาษาอังกฤษสุดฮิต คนไทยออกเสียงผิดบ่อยพยายามรวบรวมคำศัพท์ที่เราออกเสียงผิดบ่อย ซึ่งจะมาจากประสบการณ์ตรงบ้าง หนังสือ หรือข้อมูลในอินเตอร์เน็ตบ้าง เรามาดูกันเลย
 
1. chaos (n.) เค-อ็อส
Total lack of order, confusion, mess, disorder
ความสับสน วุ่นวาย
หลายๆคนพอเห็นตัว ch ก็พากันออกเสียงว่า ชา-ออส กันถ้วนหน้า สมัยยังเด็ก ชอบเล่นเกมส์ DotA ก็จะมีตัวละครหนึ่งชื่อว่า Chaos Knight เพื่อนๆก็เรียกว่า ชาออสไนท์ กันถ้วนหน้า เอาก็เอาวะ ชาออสไนท์ก็ได้ บางคนถึงกับอ่านว่า เช้าส์ เลยทีเดียว แต่จริงๆแล้วต้องอ่านว่าเค-อ็อส ถึงจะถูกต้อง
2. comfortable (adj.) คั๊มฟ-ทะเบิ
Providing physical comfort; easy; relaxing
ความสะดวกสบาย  คนส่วนใหญ่ชอบอ่านคำนี้ว่า คอม-ฟ้อร์ท(เสียงสูง)-เทเบิล แต่เพิ่งมารู้ว่ามันผิด ผิดตรงการเน้นเสียงนี่แหละ เราจะไปเน้นที่พยางค์สองของคำ  ซึ่งจริงๆแล้วต้องออกเสียง ฟึ่ท สั้นๆหลังพยางค์แรก กลายเป็น คั๊มฟ-ทะเบิล แทน
3. effect (n., v.) อิ-เฟ็คท์
Something brought about by a cause or agent; a result
ผลกระทบ ผลลัพธ์
สำหรับศัพท์ภาษาอังกฤษตัวนี้เราจะอ่านผิดบ่อยมาก เพราะดันไปยึดติดกับคำว่า special effectสเปเชียล เอฟเฟ็คท์ พอเจอคำนี้เข้าไปก็อ่านว่า เอฟเฟ็คท์ กันถ้วนหน้าเชียว คำอ่านที่ถูกต้องจริงๆคือ อิ-เฟ็คท์ ครับ ออกเสียง แค่ตัวเดียวพอ อ่านเร็ว เน้นพยางค์หลังด้วยนะ
4. etc. (abbr.) เอ็ท-เซเทอรา
And so on, and so forth, and the rest
และอื่นๆ
มองแวบแรกอย่าไปคิดว่า etc. เป็นชื่อวงดนตรีเชียวนะ จริงๆแล้วมันย่อมาจากคำว่า et cetera เป็นภาษาLatin ที่หมายถึง และอื่นๆอีกมากมาย ที่เรามักเห็นตอนท้ายประโยคเหมือนกับ ฯลฯ ของภาษาไทยนั่นเอง จากประสบการณ์พรีเซ้นท์งานภาษาอังกฤษในห้องเรียน เคยมีกลุ่มหนึ่งทำสไลด์แล้วใช้คำว่า etc. แต่ไม่รู้ว่าจะออกเสียงยังไง บางคนก็ข้ามไปเลย และมีคนนึงอ่านว่า อีทีซี เฉยเลย ที่ถูกคือ เอ็ท-เซเทอรา ต้องอ่านให้เร็วนิดนึง ฝรั่งเค้าจะได้เข้าใจง่ายขึ้น
5. island (n.) ไอ-เลินด์
Piece of land completely surrounded by water; raised area or a platform set aside for some specific purpose
เกาะ
คนส่วนมากต้องเคยอ่านคำนี้ผิดบ้างแหละ จะอ่านว่า ไอซ์-แลนด์ หรือ อิส-แลนด์ ก็ตามแต่ คำนี้เราจะไม่ออกเสียงตัว นะครับ ให้อ่านว่า ไอ-เลินด์ ไปเลย ขืนอ่านผิดๆคนฟังจะเข้าใจว่าเราหมายถึงประเทศไอซ์แลนด์ (Iceland) ไปโน่น จะว่าไปแล้ว Iceland ก็ถือเป็นเกาะๆหนึ่ง เป็นประเทศที่มีประชากรน้อยที่สุดในยุโรปเลยว่าแต่ว่าแปลกดีนะครับที่ ประเทศ Iceland มีทุ่งหญ้าเขียวขจีเต็มไปหมด ขณะที่ประเทศGreenland กลับถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งนะเนี่ย คำอธิบาย: :)
6. jewelry (n.) จูวล์-รี่
Ornaments for personal adornment made of precious metals or set with gemstones
เครื่องเพชรพลอย
ตามร้านขายเครื่องประดับเพชรพลอยต่างๆมักลงท้ายด้วยคำว่า จิวเวลรี่ เห็นคำนี้ปุ๊บเราทุกคนเข้าใจว่าเป็นร้านขายเครื่องเพชร แต่การอ่านออกเสียงนี่คนละเรื่องเลย ต้องพูดว่า จูวล์-รี่ถึงจะถูก ไม่ต้องยืดยาวยึง พยางค์แบบนั้น
7. leopard (n.) เล็พ-เพิร์ด
Panther, large member of the cat family having either tawny spotted fur or black fur
เสือดาว
ภาษาอังกฤษที่เราชอบออกเสียงผิดบ่อยๆ หนึ่งในนั้นคือ leopard ที่เราอ่านตรงๆเลยว่า ลีโอ-พ้าร์ด หารู้ไม่ว่าคำนี้ไม่ต้องออกเสียงตัว อ่านสั้นๆง่ายๆว่า เล็พ-เพิร์ด  ก็พอ
8. salmon (n.) แซ-เมิน
Species of edible marine fish that spawns in freshwater and has tender pinkish flesh
ปลาแซลมอน
สำหรับคนที่รักการกินซูชิ ย่อมต้องเคยลิ้มลองปลาแซลมอนแน่นอน แต่ฝรั่งเค้ากลับอ่านคำนี้ว่าแซ-เมิน ซะงั้น ทำเอาเข้าใจผิดมาเป็นสิบๆปีเลยนะเนี่ย กับคนไทยสั่งปลาแซลมอนได้ไม่เป็นไร แต่กับฝรั่งถ้าตัดเสียง ออกไปคงจะดีไม่น้อยนะ
9. sword (n.) ซอร์ด
Weapon consisting of a long straight or curved blade fixed to a hilt
ดาบ
มาอีกแล้วคำในตำนานสำหรับนักเล่นเกมส์ทั้งหลาย ใครเกิดทันเกมส์ Ragnarok บ้างเอ่ย คงคุ้นเคยกับอาชีพนักดาบ สะ-หวอด-แมน (swordsman) กันดีทุกคน แต่ถ้าจะอ่านให้ถูกจริงๆ คำจำพวก sword ให้ตัดเสียง wออกไปได้เลยครับ อ่านเป็น ซอร์ด ง่ายขึ้นเยอะใช่มั้ยล่ะ
10. value (n., v.) แฟล-ยิ่ว
Prize, esteem, cherish; assess, estimate, appraise
คุณค่า ประเมิณค่า ให้ความสำคัญ
ขอปิดท้ายด้วยคำศัพท์ที่เสียงอ่านไม่เหมือนกับคำที่เห็นเอาซะเลย อย่าว่าแต่นักศึกษาเลย แม้แต่อาจารย์ยังอ่านว่า แวลู่ ซึ่งก็โอเค ถ้าสื่อความหมายให้คนไทยด้วยกันเข้าใจได้ แต่สำหรับฝรั่งขืนอ่านแบบนี้มีงงแน่นอน ต้องอ่านว่า แฟล-ยิ่ว ออกจะกระดากปากไปบ้าง แรกๆก็ไม่ชิน แต่เพื่อความถูกต้องก็ต้องอดทน

From: Nuriha Ar-rorma   Teacher at Islambamrung School.

วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557

affect / effect

หลายๆคนที่ต้องทำการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ หรืออ่านนิยายภาษาอังกฤษ ย่อมต้องคุ้นเคยกับคำศัพท์คู่นี้ดีครับ นั่นก็คิอ affect กับ effect นั่นเอง เรามาดูความหมายและการใช้งานแต่ละคำกันเลย
  
affect – แอฟ-เฟ็คท์
ส่วนใหญ่จะใช้เป็น Verb ที่มีความหมายว่า ส่งผลกระทบ” ต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มาดูตัวอย่างประโยคกันครับ
The Asean Economic Community will affect many companies in Thailand.
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะส่งผลกระทบต่อหลายๆบริษัทในประเทศไทย
The drought affects the growth of plants.
ภัยแล้งส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืช
ส่วนคำว่า
effect – อี-เฟ้คท์
คำนี้เป็น Noun ที่หมายความว่า ผลกระทบ” เช่น
Global warming has severe effects on humans.
ภาวะโลกร้อนมีผลกระทบที่รุนแรงต่อมนุษย์
นอกจากนี้ยังสามารถใช้คำอื่นๆคู่กับ effect เพื่อให้เกิดความหมายใหม่ได้ด้วยนะ เช่น
side-effect – ผลข้างเคียง (Noun)
Taking steroids can have negative side-effects to the body.
การรับยาสเตียรอยด์จะส่งผลข้างเคียงไม่ดีต่อร่างกาย

take effect เห็นผล (Idiom)
The medicine takes effect within half an hour.
ยาจะออกฤทธิ์ภายในครึ่งชั่วโมง
 
วิธีสังเกตง่ายๆว่าคำไหนเป็น Noun คำไหนเป็น Verb คือการอ่านออกเสียงนั่นเองครับ
หากเป็น affect จะต้องเน้นหนักไปที่พยางค์หลัง ส่วน
effect จะเน้นเสียงที่พยางค์แรก นะครับ
ซึ่งการออกเสียง Stress พยางค์แรก ส่วนใหญ่คำนั้นจะเป็น Noun แต่ถ้า เน้นไปที่พยางค์หลังจะเป็น Verb ครับ
  
From : Nuriha Ar-rorma  teacher at Islambamrung School.

vocabulary for woman

1. brassiere แบรส-เซียร์ ยกทรง/เสื้อชั้นใน
เรียกสั้นๆง่ายๆว่า bra (บรา)
คำนี้มาจากคำว่า “braciere” เป็นภาษาฝรั่งเศสที่หมายถึง เสื้อเกราะชั้นใน” ของทหาร จากนั้นในปี 1913 Maria Phelps Jacob ได้ออกแบบและสร้าง brassiere ชิ้นแรกๆสำหรับผู้หญิงขึ้นมา สมัยนั้นยังเรียกว่า corset (เสื้อรัดทรง) อยู่เลยค่ะ จากนั้นพอ Maria เปิดกิจการไปได้สักพักเกิดรู้สึกเบื่อ จึงขายสิทธิบัตร (patent) ให้กับ Warner Brothers Corset Company (ไม่ใช่บริษัทที่ผลิตภาพยนตร์นะ) ในราคาเพียง $1500 เท่านั้น ต่อมาทาง Warner Brothersนำ brassiereมาต่อยอดได้เป็นเงินกว่าสิบห้าล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในเวลาเพียง 30 ปีเท่านั้น
2. cosmetics คอส-เม-ดิกส์ เครื่องสำอางค์
เรียกอีกอย่างได้ว่า makeup (เมค-อัพ) แต่ต้องรู้ไว้ว่า make up เป็นเสมือนเครื่องสำอางค์จำพวก blush on , concealer, lipstick ที่ผู้หญิงอย่างเราๆใช้กัน แต่ cosmetics จะครอบคลุมไปถึงพวกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ ที่ไม่สามารถเรียกว่า makeup ได้นั่นเอง
3. lingerie ลอง-เชอ-เร ชุดชั้นใน
ศัพท์ภาษาอังกฤษนี้มีรากฐานมาจากภาษาฝรั่งเศส จึงทำให้หลายๆคนอ่านคำนี้ผิดเป็น ลิน-เจอ-รี่ คำนี้สามารถใช้สำหรับเสื้อชั้นในหรือกางเกงในสำหรับคุณผู้หญิงได้หมดเลยค่ะ
4. period พี-เรียด ช่วงมีประจำเดือน
หรือที่เรียกกันง่ายๆว่าเป็นเมนส์ (menstruation หรือmenses) ช่วงนี้อย่าได้ทำให้คุณผู้หญิงอารมณ์เสียเป็นอันขาด เพราะเธอจะรู้สึกปวดช่องท้อง (cramps) เป็นระยะๆ แบบว่าขยับตัวเมื่อไหร่เป็นอันปวดท้องน้อยไปหมดเลย อารมณ์ของเธอจะแปรปรวนเป็นพิเศษอีกด้วย หนุ่มๆต้องtake care ดีๆนะคะ^^

เพิ่มเติม: สำหรับผู้หญิงที่จะเข้าวัยหมดประจำเดือนจะเรียกว่าอยู่ในช่วง menopauseนั่นเองค่ะ
Speaking Tips – I’m having cramps. = ฉันกำลังปวดท้องเมนส์อยู่นะ
5. tampon แทม-เพิน ผ้าอนามัย
สิ่งนี้เป็นพระเอกของผู้หญิงในช่วง menstruation ทุกคนเลยทีเดียวค่ะ โดย tampon จะเป็นผ้าอนามัยแบบสอด แต่ถ้าเป็นผ้าอนามัยปกติก็จะเรียกกันโดยสากลว่า sanitary napkin หรือsanitary pad
6. tweezers ทวีซ-ซึส แหนบ
เจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้ถือว่ามีประโยชน์ต่อผู้หญิงอย่างมากในด้านการกำจัดขนใต้วงแขน ที่เป็นบริเวณ sensitive ต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ เมื่อกำจัดเสร็จแล้วอย่าลืมหาโรลออน (deodorants)มาใช้ระงับกลิ่นด้วยนะ
 
From : Nurul  Mayit  Teacher  at Ban Bangokuete School.

วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2557

วิธีการใช้ภาษาอังกฤษเรียกคนใกล้ชิดแบบไม่เป็นทางการ

วิธีการใช้ภาษาอังกฤษเรียกคนใกล้ชิดแบบไม่เป็นทางการ

หากพูดถึงประธานที่ใช้กันในชีวิตประจำวันแล้ว คงจะหนีไม่พ้น “I, You, We, They, He, She, It” ที่เราได้เรียนรู้กันมาจากตำราต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ในชีวิตจริงแล้ว มีคำมากมายที่สามารถนำมาใช้แทนคำเหล่านี้ได้ วันนี้เราลองปิดตำราทั้งหลาย แล้วเปิดโลกทัศน์ด้วยคำต่างๆที่เราควรจะรู้ไว้เพื่อใช่สื่อสารภาษาอังกฤษแบบไม่เป็นทางการ (Non-formal English) กันดีกว่า
คำที่ใช้เรียก ผู้หญิงบางคนอาจจะงงว่าทำไมอยู่ดีๆพึ่งจะรู้จักกับฝรั่ง แล้วทำไมเขาถึงเรียกเราว่าที่รักด้วยคำต่างๆนานา คำตอบก็คือ คำเหล่านี้สามารถนำมาใช้เรียกแทนตัวเราได้ ซึ่งก็ได้แก่คำว่า
Gorgeous, Sweetie, Sweetheart, Sister, Sis, Love, Darling, Honey, Baby, Girl, Gal, Dear, Sugar, Cutie, Chick
คำที่ใช้เรียก ผู้ชายสำหรับผู้ชายแล้ว คำที่ใช้ต่างๆนั้นจะเน้นไปถึง ความสัมพันธ์แบบพี่น้อง (Brotherhood) หรือ คำที่บ่งบอกถึงมิตรภาพ (Friendship) ไปเสียส่วนใหญ่ เช่น
Man, Boy, Brother, Fella, Fellow, Dude, Buddy, Mate, My friend, Boss, Chief
คำที่ใช้เรียก กลุ่มเพื่อนอาจใช้คำว่า Guys, People, Fellas, Gang, Gangsta, Chicks (แทนกลุ่มผู้หญิง)
 คำที่ใช้เรียก เด็กเช่น Kid, kiddo
คำที่ถูกย่อให้สั้นลง (Short forms) เป็นที่รู้กันว่าศัพท์แทบทุกคำที่นิยมใช้กันอยู่บ่อยๆ มักจะถูกย่อให้สั้นลง ซึ่งก็รวมไปถึงคำเหล่านี้ด้วย:
Hun – มาจากคำว่า Honey
Babe – มาจากคำว่า Baby
Sis – มาจากคำว่า Sister
Bro – มาจากคำว่า Brother
Darl – มาจากคำว่า Darling

คำว่า ที่รักแบบหวานแหวว - สำหรับคนที่เบื่อที่จะใช้คำว่า “Tee Rak” ในการเรียกแฟนตัวเองบน BB หรือ ใน SMS ต่างๆ แล้วกำลังมองหาคำอื่นอยู่ สามารถลองใช้คำเหล่านี้ดูได้ รับรองแปลก ไม่เหมือนใคร แถมยังฟังดูน่ารักอีกด้วย:
Cutie Bunny, Cutie Pie, Sweetie Pie, My Little Sunshine, My Sunshine, My pumpkin, Honey Bunny (Hunni Bunni), My Little Cupcake, Cupcake, honeybunch, My Boo (My Baby)
*เราสามารถนำคำเหล่านี้ไปใช้เรียกเด็กได้เช่นกัน
*การใช้คำว่า My หรือ Your เข้ามาเสริมคำต่างๆ อาจจะช่วยเพิ่มความหวานขึ้นอีกเท่าตัวหนึ่ง เช่น Your Sweetie Pie, Your pumkin, You are my little angel และอื่นๆ

http://www.dek-eng.com

From: Nuriha  Ar-rorma  teacher at Islambamrung School.